5 เคล็ดลับเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานระหว่างวัน

ปฏิเสธไม่ได้ว่าเวลาชีวิตในหนึ่งวันของเราส่วนใหญ่ล้วนหมดไปกับการทำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ต้องทำงานนั่งโต๊ะตลอดทั้งวัน เรียกได้ว่าออฟฟิศแทบจะเป็นเหมือนบ้านหลังที่สองของเราเลยทีเดียว เพราะนอกจากจะต้องออกไปทำงานแต่เช้าตรู่ (ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีบ้านอยู่ใกล้ที่ทำงาน จริงไหม?) บางคนกว่าจะจัดการงานตัวเองเสร็จเรียบร้อยก็ค่ำมืด ไม่ได้เห็นแสงอาทิตย์แล้ว 

เพราะฉะนั้นการสร้างบรรยากาศและการมีวัฒนธรรมองค์กรที่ดีจะสามารถสร้างแรงจูงใจให้แก่พนักงานและนำไปสู่ผลลัพธ์ของงานที่มีประสิทธิภาพ! แต่งานนี้ต้องอาศัยความร่วมแรงร่วมใจจากผู้นำองค์กรและผู้ที่เกี่ยวของหลายฝ่าย เช่น หัวหน้างาน และหัวหน้าฝ่ายบุคลากร (HR) ขององค์กรนั้น ๆ จึงจะสามารถผลักดันให้สำเร็จได้

เรามาดูกันว่าการสร้างบรรยากาศในที่ทำงานและการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่มีคุณภาพนั้นจะมีอะไรได้บ้าง

บรรยากาศดีมีชัยไปกว่าครึ่ง

หากจัดวางโต๊ะพนักงานแบบหันหน้าไปทางเดียวกัน มีฉากกั้นกลาง ผนังทาสีขาวหรือสีเทาดูอึมครึมและอึดอัดนึก ๆ ดูแล้วไม่ต่างอะไรกับห้องเรียนสมัยที่เราเป็นนักเรียน ถ้าเป็นแบบนี้แรงบันดาลใจในการทำงานคงหดหู่น่าดู

หลาย ๆ องค์กรโดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์กรที่มีสัดส่วนของคนรุ่นใหม่ค่อนข้างสูง ได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการนั่งทำงาน เช่น จัดโต๊ะแบบเปิดโล่ง หรือบางองค์กรไม่มีแม้แต่การจัดโต๊ะประจำให้กับพนักงานด้วยซ้ำ อยากทำงานที่ไหน โต๊ะไหนก็สามารถเลือกได้เลย

นอกจากนี้หลายองค์กรยังมี Co-Working Space สำหรับการประชุมที่ไม่จริงจังมาก โซนสปอร์ตสำหรับพักผ่อนคลายช่วงสั้น ๆ โซนคาเฟ่ หรือแม้แต่บาร์! แบบนี้แล้วแรงจูงใจในการทำงานของเหล่าพนักงานคงเพิ่มขึ้นไม่น้อยเลยทีเดียว

ลองใช้วิธีการประชุมแบบ Silent Meeting

แน่นอนว่าสิ่งที่ต้องมาคู่กันกับการทำงานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือ “การประชุม” แต่เราพบว่า “71% ของผู้เข้าประชุมบอกว่าหลายครั้งเสียเวลาไปกับการประชุมที่ไร้ประโยชน์! และบางครั้งก็มีการหลงประเด็นเกิดขึ้น รวมทั้งการมีคนที่ไม่เกี่ยวข้องในห้องประชุมทำให้การประชุมนั้นหลุดโฟกัสดำเนินช้าลงกว่าที่ควร

หลายองค์กรมีการทดลองและเห็นด้วยว่า Silent Meeting นั้นได้ผล ทั้งช่วยยกระดับความคิดและเปิดรับมุมมอง ไอเดียใหม่ ๆ วิธีก็ง่ายแสนง่าย เพียงให้ผู้เข้าประชุมทุกคนนั่งเงียบ ๆ และเขียนความคิดของตัวเองลงบนกระดาษใบเล็ก ๆ อย่าง Post-It ผลปรากฏว่าประสิทธิภาพสูงกว่าการ Brainstorm มาก” (อ้างอิงจาก The Matter)

ส่งเสริมให้มีการพักเบรกเล็กน้อยระหว่างวัน

การจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์นาน ๆ วุ่นวายตอบอีเมล หรือการต้องคุยงานทั้งกับลูกค้าและคนในองค์กรตลอดวัน อาจทำให้สมองเหนื่อยล้าได้

องค์กรควรสนับสนุนให้พนักงานจัดสรรเวลาพักสั้น ๆ ให้กับตัวเองสัก 15-20 นาที เพื่อลุกขึ้นเดินยืดเส้นยืดสาย หากาแฟหรือน้ำดื่ม หรือแม้แต่งีบหลับแบบเร็ว ๆ ที่เราเรียกว่า “power nap” เพื่อให้ร่างกายสดชื่นกระปรี้กระเปร่า พร้อมลุยงานต่อไป

หมั่นคุยกันในทีมอย่างสม่ำเสมอ

การสื่อสารกันภายในทีมที่ต้องทำงานด้วยกันอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะผู้ที่เป็นหัวหน้างานควรจะคอยพูดคุยกับคนในทีมเพื่อจะได้รู้ว่าแต่ละคนนั้นรับผิดชอบในเรื่องใดอยู่บ้าง และงานที่มีนั้นล้นมือเกินไปหรือไม่   การทำเช่นนี้ป้องกันไม่ให้สมาชิกในทีมเกิดอาการเหนื่อยล้าและเบื่อหน่ายกับการทำงานระหว่างวันได้

กองทัพเดินด้วยท้อง

อาหารถือเป็นส่วนสำคัญในการสร้างพลังงานเพื่อขับเคลื่อนร่างกายให้พร้อมทำงานอย่างมีประสิทธิภาพในแต่ละวัน

ปัญหาส่วนใหญ่ที่พนักงานต้องพบเจอคือ เวลาพักเที่ยงที่ไม่สัมพันธ์กับแถวในร้านอาหารอันยาวเหยียดและคับคั่ง อากาศที่ร้อนแสนร้อน ทั้งยังมีเรื่องของราคาอาหารที่ปรับขึ้นอยู่เรื่อย ๆ ซึ่งอาจเป็นปัญหาสำหรับผู้ที่มีฐานเงินเดือนน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กจบใหม่ที่เพิ่งเข้าทำงาน

หลายองค์กรจึงเลือกที่จะให้สวัสดิการอาหารกลางวันเพื่อช่วยลดภาระของพนักงาน นอกจากนี้การเพิ่มสวัสดิการอาหารกลางวันเป็นหนึ่งในสวัสดิการพนักงานยังทำให้พนักงานมีความรู้สึกที่ดีต่อองค์กรและอยากทำงานด้วยในระยะยาว

สำหรับบริษัทที่กำลังสนใจการสร้างวัฒนธรรมองค์กรผ่านสวัสดิการอาหารกลางวันฟรีสำหรับพนักงาน สามารถลงทะเบียนเพื่อรับโปรโมชั่นพิเศษกับ Kinkao ได้ที่นี่

แต่ละข้อที่เราได้นำมาเสนอนั้นสามารถลองนำไปปรับใช้ตามความเหมาะสมกับองค์กรของคุณได้ นอกจากจะเป็นการสร้างแรงจูงใจในการทำงานและทำให้เกิดการร่วมมือกันอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นระหว่างพนักงานแล้ว ยังเป็นการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ดีสำหรับองค์กรหัวก้าวหน้าต่าง ๆ อีกด้วย