ต้องทำอย่างไร เด็กจบใหม่ ถึงจะส่ง ใบสมัครงาน มาที่บริษัท

เด็กจบใหม่ กับ ใบสมัครงาน เป็นของคู่กันอยู่แล้ว บางคนก็ตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่า อยากทำงานที่ตรงสาย หรือบางคนก็ทำงานตามความชอบซึ่งก็เป็นเรื่องปกติ นอกจากคนหางานแล้ว ในมุมขององค์กรเองก็หาพนักงานเข้ามาร่วมบริษัทด้วยเหมือนกัน และใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆ ยิ่งเป็นตำแหน่งที่ขาดไป แล้วต้องมีด่วนๆ ก็คงตั้งตารอ ใบสมัครงาน กับคนหางานอยู่เหมือนกัน แต่ทำไมไม่มีใคร ส่งใบสมัครมางาน เลยนะ มีอะไรผิดพลาดหรือเปล่า

เด็กจบใหม่ เลือก ฟรีแลนซ์ จึงไม่ ส่งใบสมัครงาน ให้บริษัท

ทุกคนมีสิทธิ์เลือกหน้าที่การงานของตัวเอง อย่างที่บอกไปข้างต้นว่า อาจจะได้ทำงานตามสายงานที่เรียน หรือ ทำงานตามความชื่นชอบ แล้วด้วยความที่ยุคการทำงานยุคใหม่ ไม่จำเป็นต้องเข้าออฟฟิศ หรือสแกนนิ้วให้ตรงเวลาอีกแล้ว การทำงานฟรีแลนซ์ เลยเป็นอีกหนึ่งคำตอบที่ ใบสมัครงาน ไม่เคยถูกส่งมาที่บริษัทเลย

งานฟรีแลนซ์ เป็นการทำงานที่มีอิสระด้วยตัวเอง ไม่ต้องอยู่ภายใต้กรอบของใคร มีความคิดที่โลดแล่นได้เลย รังสรรค์งานโดยไม่มีกรอบ ไม่จำเป็นต้องตื่นแต่เช้า ควบคุมคุณภาพงานได้ด้วยตัวเอง เอาเป็นว่า ไม่มีเจ้านายคอยจู้จี้ อีกทั้งเลือกงานได้หลายๆ ที่พร้อมกัน ถ้าความสามารถมากพอ

แต่ข้อเสียของฟรีแลนซ์คือ รายได้อาจจะไม่มั่นคงการจะได้เงินมามากๆ ก็ต้องโหมงานหนักพอสมควร ส่งผลต่อเรื่องสุขภาพ ใครมีประกันสุขภาพก็ใช้สิทธิ์ได้สบายๆ แต่ถ้าไม่มีนี่สิก็ต้องใช้เงินที่ได้จากการทำงาน ดังนั้น องค์กรที่กำลังมองหา เด็กจบใหม่ หรือคนสมัครงาน ก็จะเป็นต่อในเรื่องของ สวัสดิการพนักงาน โอกาสก้าวหน้า นี่แหละ

แอบอ่านใจ เด็กจบใหม่ ต้องการอะไร ในการทำงานยุคนี้

งานประจำที่มีเงินเดือนสมเหตุสมผล คือเหตุผลที่ดึงดูดให้เด็กจบใหม่ ส่งใบสมัครเข้ามาในบริษัทได้ เพราะในการทำงานยุคนี้ได้เปลี่ยนไปมากพอสมควรแล้ว โดยมากก็จะเป็นในเรื่องของความยืดหยุ่นในการทำงาน ถ้าอยากให้ ตำแหน่งว่างงานในบริษัทมีคนมาทำงานสักที ต้องมาดูว่า เด็กจบใหม่ต้องการอะไรบ้าง

พนักงานยุคใหม่ ต้องการความยืดหยุ่นในการทำงาน

เมื่อไลฟ์สไตล์การทำงานเปลี่ยนไป คือต้องการสมดุลของชีวิตและงาน ดังนั้น การทำงานก็ต้องมีความยืดหยุ่นมากๆ เลยทีเดียว ไม่ใช่มีแต่งานและงาน แต่สามารถมีทั้งชีวิตและงานพร้อมๆ กันได้ ถ้าองค์กรมอบความยืดหยุ่นในการทำงานให้ได้ โอกาสที่ใบสมัครงานจะถูกส่งมาจากทั้ง เด็กจบใหม่ หรือคนกำลังหางาน ก็มีมากขึ้น ซึ่งความยืดหยุ่น คือ

• วันทำงานที่ยืดหยุ่น
• เวลาเข้า-เลิกงานที่ยืดหยุ่น
• การแต่งกายที่ยืดหยุน

หมายถึงว่า ให้องค์กรเซ็ตเวลาเข้างานให้คนในองค์กรเลือกได้ว่า อยากเข้ากี่โมง แต่ไม่จำเป็นที่จะต้องลดเวลาทำงาน รวมไปถึงสถานที่ทำงาน อาจจะมีบ้างที่ไม่ต้องทำงานที่ออฟิศ เพราะยุคสมัยนี้ส่งข้อมูลด้วยอินเทอร์เน็ตกันแล้ว อยู่ที่ไหนก็สามารถทำงานได้เหมือนกัน วันไหนไม่พบลูกค้า ไม่ต้องใส่สแคล หรือรองเท้าคัทชูก็ได้

ส่งเสริมให้คนในองค์กรมีทักษะการทำงานที่เก่งขึ้น

ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะ เด็กจบใหม่ หรือ คนทำงานมานานแล้ว ย่อมอยากให้ ทักษะการทำงานของตัวเองพัฒนายิ่งขึ้นไป ในมุมของเด็กจบใหม่ แม้จะมีความรู้สดใหม่ และอยากใช้งาน แต่เมื่อมาทำงานจริงอาจจะต้องมีทักษะอื่นๆ เพิ่มอีกด้วย ถ้าอย่างนั้น ลองเขียน สวัสดิการส่งเสริมการเรียนรู้ให้กับพนักงาน ใน ประกาศสมัครงาน ก็จะเข้าท่าอยู่

ข้อดีก็คือ เมื่อพนักงานมีทักษะที่เก่งขึ้น มีความรู้ในตำแหน่งงานที่ทำ รวมไปถึงความรู้อื่นๆ เสริมเข้ามา ก็จะช่วยพัฒนาให้องค์กร และงานที่ทำไปได้ไกลยิ่งขึ้น เรียกได้ว่า เป็นประโยชน์ต่อทั้งองค์กรเอง และตัวพนักงานด้วยเหมือนกัน โดยทักษะการทำงานที่ว่า อาจจะมีได้ทั้ง

• ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร
• เวิร์คชอป การคิดอย่างสร้างสรรค์

สวัสดิการพนักงาน ที่เป็นประโยชน์ต่อการใช้ชีวิต

สวัสดิการพนักงาน ก็ยังคงเป็นอีกหนึ่ง แรงจูงใจในการทำงาน ของทั้งคนทำงานมานานแล้ว และ เด็กจบใหม่ ที่กำลังจะ ส่งใบสมัครงาน ยิ่งสวัสดิการพนักงาน เป็นประโยชน์ต่อการดำรงชีวิตเท่าไหร่ โอกาสที่จะมี พนักงานใหม่ จากการสมัครงานก็มีมากขึ้น ทางที่ดีขียนระบุเอาไว้ใน ประกาศสมัครงาน  ให้เห็นกันไปเลย

• อาหารกลางวันฟรี
• สแน็คบาร์ ชา กาแฟ ขนม
• ฟิตเนส
• รถรับ-ส่งพนักงาน
• สวัสดิการออมเงิน
• ห้องพยาบาล

ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ถึงแม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่นี่คือสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ที่พนักงานในองค์กรมองว่า ได้รับความใส่ใจจากองค์กร เป็นการใส่ใจคุณภาพชีวิตของพนักงานทุกคน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลย ถ้ามี ใบสมัครงานส่งเข้ามามากขึ้น และ พนักงานเก่าเองก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะ ลาออกจากงาน