วิธีต้อนรับ เพื่อนร่วมงานใหม่ ให้ไม่เคอะเขินกับคนในทีม

นานๆ ทีจะมี เพื่อนร่วมงานใหม่ เข้ามาร่วมทีม แน่นอนว่า เพื่อนใหม่ ย่อมเคอะเขินกับ เพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ อยู่แล้ว เพราะยังไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ทำตัวไม่ถูก บางคนก็พูดน้อยกว่าตอนสัมภาษณ์งานด้วยซ้ำไป ถ้ามองให้เป็น ปัญหาในองค์กร คงจะไม่ได้ เพราะไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรเลย เพียงแต่ว่าพอจะมีวิธีช่วยให้คนในองค์กรที่เป็นคนเก่า กับ เพื่อนร่วมงานใหม่ สานสัมพันธ์กันได้ไวขึ้น ซึ่งก็คือ ช่วงเวลา อาหารกลางวัน

ความตื่นเต้น ความกังวล ของ เพื่อนร่วมงานใหม่ ที่จะระเบิดออกมา

ที่บอกว่าความรู้สึกของการเริ่มงานใหม่ในฐานะ พนักงานใหม่ นั้นจะระเบิดออกมา หมายความว่า ทั้งความตื่นเต้นและความกังวลใจมีให้เห็นในอาทิตย์แรกๆ ที่ทำงานจริงๆ คิดเอาเองว่า สภาพแวดล้อมจะเป็นยังไง เพื่อนร่วมงานคนอื่นจะดีกับเราไหม หรือเราไปเกลียดใครเข้าให้ตั้งแต่วันแรก ฯลฯ

รวมไปถึงเวลาเลิกงาน ที่ปกติเลิกปุ๊บก็จะเด้งตัวปั๊บ แต่เริ่มงานแรกๆ ก็อย่างว่าต้องรอให้คนอื่นลุกก่อน (ซึ่งความเป็นจริงลุกได้เลย สิทธิ์ของเรา) ในบางคนมีปัญหาขั้นว่า ทำงานผิดพลาด เพราะไม่กล้าพูดคุยกับเพื่อนร่วมทีม ซึ่งก็ต้องดูว่าเพื่อนร่วมงานทำหน้ายักษ์หรือเปล่า กว่าจะรู้ตัวว่าเข้ากับคนคนหนึ่งได้ก็ใช้เวลานาน

วิธีต้อนรับพนักงานใหม่ ให้สนิทกันไวขึ้น เพื่อสร้าง ทีมเวิร์ค ที่ดี

ปัญหาเล็กๆ นี้ สามารถแก้ไขได้แต่ก็ต้องมีเครื่องมือในการจัดการเหมือนกัน ลองมองๆ ดูแล้วเห็นทีว่า เรื่องความสัมพันธ์ การทำความรู้จักกัน หรือสนิทสนมกันเพื่อก่อให้เกิด ทีมเวิร์ค ในการทำงานเนี่ย ช่วงพักกลางวันที่ กินอาหารกลาววัน คือเวลาที่ดีที่สุด คอยดูเลยว่า หลังจากสนิทกันแล้ว ความรู้สึกเหล่านั้นจะหายไปหรือไม่ ความเค

สวัสดิการ อาหารกลางวัน  ช่วย สานสัมพันธ์เพื่อนร่วมงานใหม่ได้

เป็นวิธีแรกที่นำเสนอ และเห็นว่าดีมากๆ ในการต้อนรับ เพื่อนร่วมงานคนใหม่ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในทีม หากบริษัทใครมี อาหารกลางวันฟรี ในสวัสดิการพนักงาน ก็ใช้เครื่องมือนี้ให้เป็นประโยชน์ซะเลย หรือยิ่งถ้าบริษัทใดมีทั้งสวัสดิการนี้ รวมไปถึงกิจกรรมร่วมกันตอนกลางวันของพนักงานก็จะง่ายขึ้นไปอีก

หมายถึงว่า ทั้งพนักงานเก่าและพนักงานใหม่ ได้ทำความรู้จักกันมากขึ้น ในสถานการณ์ที่ผ่อนคลาย คุยเล่นเป็นกันเองมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นช่วงเวลาที่จะเรียนรู้และแลกเปลี่ยนความชอบ ความคิดเห็นซึ่งกันและกันอีกด้วย แล้วทีนี้ทั้งพนักงานเก่าและพนักงานใหม่ก็จะค่อยๆ มีความสนิทสนิทกันมากขึ้น หลังจากนั้น เมื่อต้องทำงานเป็นทีม ก็จะง่ายขึ้นตามลำดับ

สลับกันแนะนำตัวอย่างจริงใจระหว่าง พนักงานเก่า กับ พนักงานใหม่

อาจดูเป็น วิธีสานสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานใหม่ ที่เหมือนเด็กมหาวิทยาลัยกันสักหน่อย แต่บอกเลยว่าได้ผลมากๆ การผลัดกันแนะนำตัวอย่างจริงใจ ที่ไม่ได้บอกแค่ว่า ชื่ออะไร ชื่อเล่นอะไร ย่อมทำให้อีกฝ่ายรับรู้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวของเรามากขึ้นจากเดิมนั่นเอง

แต่ใช่ว่าทั้งพนักงานเก่า และพนักงานใหม่จะต้องพูดอะไรออกไปอย่างหมดเปลือก อะไรที่ไม่อยากบอกก็ไม่จำเป็นต้องบอกก็ได้ พูดแต่เรื่องดีๆ เรื่องที่น่าฟัง หรือยกความชอบส่วนตัวมาให้ฝั่งตรงข้ามได้รับรู้ เพราะถ้าความชอบของพนักงานใหม่ ไปคลิกกับพนักงานเก่า ทั้งสองคนก็จะได้มีเรื่องคุยกันมากขึ้น

แต่ค่อนข้างมั่นใจว่า ทุกบริษัทจะมีวัฒนธรรมการแนะนำตัวแบบนี้อยู่แล้ว ซึ่งก็บอกกันก่อนที่พนักงานใหม่จะเริ่มงานอยู่แล้ว หากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นก่อนช่วงพักกลางวันล่ะก็ น่าจะเป็นอะไรที่เยี่ยมยอดมากๆ เพราะช่วงเวลาพักสมอง ผ่อนคลายจากงานในช่วงเวลากลางวันกำลังจะมาถึงแล้ว

ตกแต่งโต๊ะทำงาน ด้วยของเล็กๆ น้อยๆ เพื่อต้อนรับ เพื่อนร่วมงานใหม่

อาจเป็น วิธีต้อนรับเพื่อนร่วมงานใหม่ที่แปลกๆ สักหน่อย ที่จู่ๆ ไปคุกคามโต๊ะทำงาน ร้อมกับเขียนข้อความที่เป็นมิตร แต่ในอีกมุมมองหนึ่งก็เป็น ความใส่ใจเล็กๆ ที่ไม่ว่าใครที่ได้รับก็ต้องรู้สึกประทับใจทั้งนั้น ประกอบกับ เพื่อนร่วมงานใหม่ ที่กำลังกังวลใจ ว่าจะเข้ากับคนอื่นได้ไหม ถ้าเจอข้อความนี้อาจจะเบาใจลงได้ คำว่า ตกแต่งโต๊ะทำงาน ในที่นี้ ไม่ได้หมายความจะต้องมีต้นไม้เล็กๆ ริบบี้ใหญ่ๆ หรือลูกโป่ง อะไรขนาดนั้น เพียงแต่มีข้อความเล็กๆ ติดเอาไว้หน้าจอคอมพิวเตอร์ เพื่อให้เขารับรู้กับการยินดีของเราที่มีเขาเป็น เพื่อนร่วมงานคนใหม่ ก็เพียงพอแล้ว

และนี่คือ 3 วิธีต้อนรับ เพื่อนร่วมงานใหม่ เพื่อให้ความสัมพันธ์กระชับกันไวมากขึ้น จริงๆ แล้ว เพื่อนที่ทำงาน ไม่จำเป็นจะต้องรู้ไส้รู้พุงกันก็ได้ สนิทกันแค่ในระดับที่รู้จักกันมากกว่าการเป็นคนละทีมก็น่าจะดีแล้ว หรือถ้าใครอยากจะเป็นเพื่อนที่สนิทกันเลย ก็ไม่มีใครห้าม เพราะความสนิทกันนี่แหละ จะทำให้เมื่อตอนทำงานจริงมี การทำงานเป็นทีม (ทีมเวิร์ค) กันมากขึ้น  ซึ่งเครื่องมือสำคัญก็คือ อาหารกลางวันฟรี จากเจ้านายนี่แหละ